ที่มาของม้าขาว
 
    ถ้าพูดถึงม้าขาว หลาย ๆ คนคงนึกถึงพระเอกที่ขี่ม้าขาวมาเพื่อช่วยนางเอกจากผู้ร้าย แต่ม้าขาวตัวที่กำลังจะพูดถึง    
  อยู่นี้ เป็นม้าขาวที่ องค์พระศาสดาทรงประทับมาเพื่อช่วยพวกเราให้หลุดพ้น และรอดจากความชั่วร้ายต่าง ๆ ม้าตัวนี้มีชื่อว่า จีนิ ซึ่งหลายคนคงเคยเห็นรูปวาดในขณะที่พระศาสดาองค์ที่ 121 ศิริ สัตคุรุ ราม ซิงห์ ยี ทรงประทับม้าสีขาว (รูปข้างต้น) ซึ่งม้าสีขาวตัวนี้เองที่มีชื่อว่า จีนิ
   
    ที่มาของม้าตัวนี้เกิดขึ้นในสมัยพระศาสดาองค์ที่ 12 ในสมัยนั้นเมื่อพระองค์เสด็จไปที่ใดก็ตาม จะมีผู้ถวายตัว    
  เป็นสานุศิษย์ ของพระองค์มากมาย แต่เมื่อมีธรรมะ ก็ย่อมมีอธรรม กล่าวคือ มีชายคนหนึ่งชื่อ มงคล ซิงห์ รู้สึกว่า "พระศาสดาทรงเป็น เพียงช่างไม้ที่หลอกลวงประชาชนทั่วไปเท่านั้น" ไม่ได้เป็นพระเจ้ามาจากไหน แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็น พระศาสดาเลย จึงมีความคิดที่จะรวบรวมเพื่อนจำนวนหนึ่งขี่ม้าและเดินทางไปยังเมือง แภณิซาฮิบ โดยประกาศว่า จะเป็นคนไปเปิดโปง สิ่งที่พระศาสดาทรงกระทำด้วยตนเอง โดยตลอดเวลาที่เดินทางไปนั้นก็กล่าวให้ร้ายและนินทา พระศาสดาไปด้วย มงคล ซิงห์ ได้คิดท้าทายพระศาสดาขึ้นมาในใจว่า ถ้าพระศาสดาทรงเป็นองค์อวตารของพระผู้เป็นเจ้า จริงแล้ว ขอให้พระศาสดา ทรงเสด็จมารอรับเขาที่หน้าเมือง แภณิซาฮิบด้วย และเมื่อพวกเขาเดินทางไปจนถึงทางเข้าเมือง แล้ว ก็ได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ซึ่งชายคนนั้นนุ่งขาวห่มขาว ถือภาชนะใส่น้ำรูปทรงเหมือนน้ำเต้า เป็นภาชนะทำจาก โลหะ และใส่รองเท้าที่ทำจากไม้เดินอยู่ จึงถามชายผู้นั้นว่ารู้จักพระศาสดาหรือไม่ และบอกให้ชายผู้นั้นพาไปพบพระศาสดา ชายผู้นั้นได้เดินนำพวกเขาซึ่งขี่ม้าอยู่เข้าไปในเมือง แภณิซาฮิบ และเมื่อถึงจุดหมายแล้ว ชายผู้นั้นก็ได้ กล่าวกับสานุศิษย์ บางคน เพื่อให้จัดการดูแลเรื่องอาหาร และที่พักให้กับคณะของ มงคล ซิงห์ เนื่องจากพวกเขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง หลังจากที่มอบหมายงานเสร็จแล้วชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เดินจากไป ในคืนนั้นคณะของ มงคล ซิงห์ รวมทั้งม้าต่างได้รับการ ดูแลอย่างดี ทั้งเรื่องอาหารและที่พักอย่างเป็นที่น่าพอใจ จนพวกที่เดินทางมาเริ่มพูดกันว่า "นี่ขนาดลูกศิษย์ยังดีขนาดนี้ แล้วพระศาสดาของคนเหล่านี้จะดีเพียงใด" บางคนก็เริ่มมีความคิดว่าพวกเรานี้คงบาปหนักแน่ที่นินทา และพูดให้ร้ายต่อ พระศาสดาของคนเหล่านี้มาตลอดทางเลย ตอนกลางคืน มงคล ซิงห์ ก็ฝันเห็นเทวดามากมายกำลังร้องเพลงสรรเสริญ และรายล้อมรอบคน ๆ หนึ่ง อยู่ แต่เขาเห็นใบหน้าของคน ๆ นั้นไม่ถนัดนัก เพราะมีแสงสว่างจ้าล้อมรอบตัวคน ๆ นั้นอยู่ด้วย ตอนเช้าคณะของ มงคล ซิงห์ ก็ไป ร่วมพิธีร้องเพลงสวดมนต์ในตอนเช้ามืด เมื่อไปถึงพวกเขาก็ตกตะลึง เมื่อเห็นแถวของคนที่มากราบไหว้พระศาสดานั้นยาวมาก และ มงคล ซิงห์ ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นพระศาสดา ประทับนั่งอยู่ และจำได้ว่าพระศาสดาก็คือคนเดียวกับชายแปลกหน้านั่นเอง ที่ไปรับเขามาจากหน้าเมือง แภณิซาฮิบ ตามที่เขาเคยคิดท้าทายไว้ในใจ และพระศาสดาองค์นี้เอง ที่เขาฝันเห็นเทวดาทั้งหลายร้อง สรรเสริญ เมื่อเขาจำได้จึงวิ่ง แทรกแถวด้วยความเร็ว เพื่อเข้าไปหาและกราบพระศาสดา และกราบทูลกับพระองค์ให้ยกโทษบาปให้แก่เขา พระศาสดา ก็ทรงตรัสเพียงประโยคเดียวว่า "เราเป็นแค่ช่างไม้เท่านั้น จะยกโทษบาปให้แก่เธอได้อย่างไร" เมื่อ มงคล ซิงห์ ได้ฟัง เช่นนั้นก็ทำให้เขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า องค์พระศาสดาผู้นี้ทรงมีญาณแก่กล้า สามารถรู้ความในใจของเขา ในขณะที่เขา เคยคิดลบหลู่พระองค์ในตอนแรกก่อนที่จะได้เข้าเฝ้าจนควบคุมสติไม่อยู่ จึงมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมาในใจ พระ
ศาสดาจึงทรงประทานคำสวดมนต์ให้แก่เขา ซึ่งแสดงถึงการยอมรับให้ มงคล ซิงห์ เป็นสานุศิษย์อีกคนหนึ่งของพระองค์ พอเขาได้สติ เขาก็ถอดของมีค่าต่าง ๆ ที่มีติดตัวถวายให้กับพระศาสดารวมทั้งม้าสีขาวที่เขาขี่มาตลอดทางด้วย ซึ่งม้าตัวที่เขาถวายนี่เอง คือ ม้าที่ชื่อ จีนิ หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยน และกลับตัวมาเป็นคนดี เพื่อน ๆ ซึ่งเมื่อก่อนเคยมานั่ง ดื่มเหล้าที่บ้านของเขา ก็เปลี่ยนเป็นมาสวดมนต์ และพูดคุยแต่เรื่องดี ๆ ไม่ให้ร้ายหรือนินทาผู้อื่นอีกเหมือนแต่ก่อน และนี่ก็คือที่มาของม้าขาว ซึ่งองค์พระศาสดาทรงใช้เป็นพาหนะประจำพระองค์มาโดยตลอด จนพระศาสดาเองทรงได้รับ พระฉายาใหม่ว่า จีนิวาเล ซึ่งหมายถึง เจ้าของม้าจีนิ